เคล็ดไม่ลับให้ “อีเว้นท์” ปัง

event 4

1.ทำความรู้จักกลุ่มเป้าหมายที่จะมาร่วมงานอีเว้นท์ก่อน

แน่นอนว่าผู้จัดงานอีเว้นท์ไม่รู้จักคนที่จะมางานอีเว้นท์มาก่อน ทำให้ไม่สามารถเดาใจกลุ่มเป้าหมายที่จะมางานอีเว้นท์ของผู้จัดได้ ผู้จัดต้องเน้นการจัดงานไปยังคนบางกลุ่ม เพราะเราไม่สามารถจัดอีเว้นท์ให้คนมาร่วมได้ทุกคนแน่นอน เราต้องดูว่าอีเว้นท์ที่เราจัดเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายกลุ่มใด อายุอยู่ช่วงไหน มันจะทำให้ได้ผลลัพธ์ออกมาว่างานอีเว้นท์ที่เราต้องการจัดควรจัดสถานที่ใด ธีมแบบไหน คอนเซปยังไง และช่วงเวลาในการจัดควรจะเป็นช่วงเวลาใด

2.ควรทำการประชาสัมพันธ์ของงานอีเว้นท์ให้เหมาะสม

การประชาสัมพันธ์งานอีเว้นท์ ในปัจจุบันมีการประชาสัมพันธ์หลากหลายรูปแบบ เช่น การใช้ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ บิลบอร์ดที่รถไฟฟ้าบีทีเอส หรือผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เราควรใช้ขนาดให้เหมาะสมและทำรูปแบบการประชาสัมพันธ์ให้น่าสนใจ นั่นเป็นส่วนช่วยให้งานอีเว้นท์ของเราน่าสนใจและดึงดูดกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น

3.กำหนดวัตถุประสงค์ในการจัดงานอีเว้นท์ให้ชัดเจน

วัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้นั้นสำคัญที่สุด เช่น “เรากำหนดวัตถุประสงค์ให้ผู้เข้าร่วมงานได้ฟังเพลงเพราะ ๆ และรับประทานอาหารแสนอร่อย” เพียงเท่านี้เราก็ได้แนวทางในการจัดงานแล้ว ซึ่งต่อไปเราก็ต้องไปคัดศิลปินหรือร้านอาหารเพื่อให้ตอบโจทย์กับวัตถุประสงค์ที่เรากำหนดไว้มากขึ้น

4.กำหนดแนวทางการจัดงานอีเว้นท์ของเราให้ชัดเจน

เราไม่ควรทิ้งคอนเซปต์ หรือวัตถุประสงค์ที่เราจะจัดงานอีเว้นท์นั้นๆ เช่น หากเราต้องการจัดงานอีเว้นท์ดนตรีที่มีร้านอาหารแสนอร่อย แต่ก่อนช่วงที่เราจะเริ่มการจัดงานอีเว้นท์มีกระแสการจัดงานที่เปลี่ยนไปทำให้มีการเปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกกิจกรรมบางอย่างไปจนทำให้คนที่ตั้งใจมาร่วมงานอีเว้นท์นี้ เกิดความสับสนจนทำให้เกิดความไม่ประทับใจ ดังนั้นเราควรยึดคอนเซปต์ หรือวัตถุประสงค์ที่เราได้กำหนดไว้ตั้งแต่แรกไม่ควรเปลี่ยนแปลงความคิดนั้น และเชื่อไว้เสมอว่ายังมีคนที่สนใจในงานของเราแน่นอน

5.อย่าเน้นปริมาณให้เน้นคุณภาพ

ในการจัดงานอีเว้นท์ส่วนใหญ่ชอบคิดว่าการมีร้านหรือบูธเยอะ ๆ ทำให้ปริมาณหรือพื้นที่ของงานเยอะขึ้น แต่ผู้จัดรู้หรือไม่ว่า ผู้ร่วมงานอีเว้นท์อาจจะพูดว่า “ทำไมมีร้านหรือบูธแบบเดียวกันเยอะจัง ทำไมไม่มีร้านนั้น บูธนี้บ้าง” ซึ่งทำให้ผู้ร่วมงานหลายคนเดินออกไปจากงาน เนื่องจากผู้ร่วมงานจะคิดว่างานนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจ ดังนั้น ผู้จัดควรพิจารณาในการเลือกร้านหรือบูธ เช่น ควรเลือกร้านอาหารที่มีชื่อเสียง หรือร้านอาหารที่มีผู้คนชื่นชอบ และไม่ควรมีปริมาณร้านมากเกินไป เนื่องจากอาจจะทำให้ทางร้านมีผลตอบแทนที่ต่ำกว่าคาดหวังไว้

6.ข้อสุดท้าย ทำอีเว้นท์ด้วยใจรัก

ในการจัดงานอีเว้นท์เราควรเอาใจเขามาใส่ใจเรา และต้องเข้าใจทั้งผู้มางาน ผู้มาออกบูธ หรือแม้แต่เจ้าของสถานที่จัดอีเว้นท์ เพื่อให้งานอีเว้นท์ออกมาเป็นที่พอใจสำหรับทุกฝ่าย ในการจัดงานอีเว้นท์ที่สำคัญที่สุดคือต้องมีใจที่รักในงานอีเว้นท์ของตัวเอง เช่น ถ้าคุณไม่รักการฟังเพลง แต่คุณมาจัดอีเว้นท์ที่เกี่ยวกับดนตรี อาจจะทำให้งานอีเว้นท์นั้นออกมาไม่ดีก็ได้ เนื่องจากคุณไม่เข้าใจอารมณ์ของการฟังเพลงเลย เป็นต้น