5 เหตุผลที่งาน Event หรือ Exhibition ยังคงอยู่

ด้วยพัฒนาการของเทคโนโลยีทางการสื่อสารในช่วงทศวรรษที่ผ่านมานั้น มีผู้คนมากมายเชื่อว่างานEventหรือExhibitionกำลังจะกลายเป็นของตกยุคหรือมีความสำคัญต่อการตลาดของบริษัทน้อยลงเรื่อยๆ แต่คุณรู้ไหมว่างานEventหรือExhibitionกำลังมีความนิยมและประสิทธิภาพมากขึ้นเนื่องจากสิ่งที่มันมอบให้ระหว่าง exhibitorsและกลุ่มเป้าหมายซึ่งก็คือปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ในขณะที่มีคนพูดว่าเทคโนโลยีคือแนวทางแห่งอนาคต นี่คือเหตุผล5ข้อที่ว่าทำไมงานEventหรือExhibitionยังคงอยู่ได้แน่น่อน

1. ธรรมชาติของมนุษย์ มนุษย์ส่วนใหญ่นั้นต้องการและเลือกที่จะมีปฏิสัมพันธ์กันแบบต่อหน้ามากกว่า ถ้าผมกำลังมองหาสินค้าและมีคำถามที่อยากจะถามล่ะก็ ผมอยากจะถามกับคนที่ให้คำตอบตรงกับความต้องการมากกว่าต้องไปดูแบบฟอร์มคู่มือออนไลน์เอาเอง แถมยังต้องการให้ทำการสาธิตให้ดูด้วย ถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของวัฒนธรรมและเทคโนโลยีในปัจจุบันจะยืนยันว่ามีวิธีทางการตลาดที่กว่าสำหรับสินค้าหรือการทำธุรกิจก็ตาม แต่ก็ไม่มีมาอะไรมาทดแทนคุณค่าของการปฏิสัมพันธ์แบบต่อหน้าได้อยู่ดี

2. Social media ทดแทนการพบปะของจริงไม่ได้ Social mediaสามารถเพิ่มความรู้สึกของการพบปะต่อหน้าได้แต่ไม่มีทางมาแทนที่ได้ คุณสามารถ tweetและโพสอัพเดตบนเฟสบุคหรือทำลิ้งเท่าไรก็ทำได้ แต่ก็นั่นแหละธรรมชาติของมนุษย์ยังคงต้องการติดต่อแบบพบปะตัวจริงเพื่อความสบายใจอยู่ดี หน้าเว็บSocial mediaถือว่าเป็นเครื่องมือที่มีคุรค่ามากสำหรับการโปรโมท ติดต่อสื่อสารและให้รายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลบางส่วน ในเวลาก่อน,ระหว่าง,และหลังงานที่จัด จริงๆแล้วผมก็สนับสนุนให้ใช้มันในการตลาดของธุรกิจของคุณหรอกนะ เพียงแต่ว่าระหว่างการคุยกับผู้อื่นผ่านการโพสกับการพูดคุยแบบต่อหน้ามันให้ความรู้สึกคนละแบบเลยและอาจส่งผลต่อการขายด้วย

3. ต้องเห็นกับตาถึงจะเชื่อ คุณเคยดูสตาร์วอร์ผ่านทางคลื่นวิทยุไหม? ทำไม่ได้อยู่แล้ว! เพราะต้องมีภาพด้วยถึงจะเรียกว่าดู! นี่ก็ถือเป็นสัจธรรมสำหรับการสาธิตให้ดูหรือขายสินค้าเลยและยิ่งสำหรับคนที่คุณไม่เคยเห็นหน้าด้วยแล้วยิ่งแล้วใหญ่ คุณไม่สามารถสื่ออารมณ์ทั้งหมดหรือสร้างความเชื่อใจ มั่นใจ และความน่าเชื่อถือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างเดียวได้ คุณอาจจะสามารถเป็น blogger มืออาชีพได้ ส่ง social media อัพเดต และแชร์ความรู้ของคุณได้ แต่ผู้รับที่อยู่ปลายทางนั้นจะรู้สึกขาดองค์ประกอบสำคัญส่วนบุคคลไป ภาษากายของคุณ โทนเสียงของคุณ และส่วนสำคัญอีกหลายอย่างที่คุณไม่สามารถส่งผ่านโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ได้ กลุ่มเป้าหมายของคุณอาจจะต้องการ “จับต้องและรับรู้ความรู้สึก” ของสินค้าของคุณและชมการสาธิตการใช้งานแบบต่อหน้าเลย เพราะการจับต้องผ่านหน้าจอมันทำให้รู้สึกได้ยากน่ะนะ

4. งานEventหรือExhibitionสามารถบอกเล่าเรื่องราวได้ กลุ่มเป้าหมายของคุณนั้นจำเป็นต้องเรียนรู้ว่าทำไมเขาต้องธุรกิจกับคุณ จากประสบการณ์ของเรานั้นสิ่งที่จัดแสดงต้องสามารถบอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ได้และยังจำเป็นต้องมีความเกี่ยวข้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายด้วย แต่กุญแจสำคัญไม่ได้มีแค่สิ่งที่จัดแสดงเท่านั้นแต่ยังรวมถึงพนักงานประจำบูธด้วย พวกเขามีหน้าที่คอยปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าที่ดูมีแววและถ้าไปได้สวยล่ะก็กลุ่มเป้าหมายที่มาเยี่ยมเยียนบูธจะอยากติดต่อกับพวกเขามากขึ้น

5. คุณจะมีผู้ชมที่ถูกจับมารวมกันอยู่ในงานเลย การส่งข้อความหรืออีเมล์อาจมีดีเลย์ได้ หรือคนที่คุณอยากติดต่อด้วยอาจลาพักร้อนอยู่ทำให้ข้อความของคุณส่งไปไม่ถูกที่ถูกเวลาทำให้ปฏิสัมพันธ์ได้ยาก การถูกรบกวนอาจทำให้ข้อความของคุณดู “เบาบาง” ไปเลยซึ่งนั่นทำให้กลุ่มเป้าหมายของคุณเอาคุณไว้ทีหลัง แต่ถ้า “พูดใส่หน้า” พวกเขาในงานล่ะก็จะทำให้ดึงดูดความสนใจของพวกเขาได้ง่ายขึ้น จะมีที่ไหนที่จะรวมพวกกลุ่มผู้ซื้อจำนวนมากหรือกลุ่มผู้มีอิทธิพลสำหรับคุณมาไว้ที่เดียวอีกล่ะ?

สภาพโดยรวมของงานEventหรือExhibitionในทศวรรษที่ผ่านมาเปลี่ยนไปมากก็จริงอยู่ Social mediaเองก็กลายเป็นเครื่องมือทรงประสิทธิภาพมากในด้านการโปรโมตหรือติดต่อสื่อสาร แต่ “องค์ประกอบของมนุษย์” ในสภาพแวดล้อมของงานEventหรือExhibitionนั้นคือสิ่งไม่สามารถทดแทนได้ ยังคงเป็น marketing mediums ที่คุ้มค่าแก่การลงทุนเสมอ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมงานEventหรือExhibitionยังคงดำเนินและก้าวหน้าอยู่ในปัจจุบันและเหล่าบริษัทต่างๆที่รู้จักใช้มันเพื่อผลประโยชน์และคอยหมั่นเรียนรู้จากมันจึงยิ่งเจริญขึ้นเรื่อยๆ